การประกาศนโยบายภาษีการค้าเชิงรุกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาเป็นประเด็นที่ประเทศไทยให้ความสนใจอีกครั้ง เนื่องจากล่าสุดประเทศไทยถูกเสนอให้เก็บภาษีในอัตรา 19% แม้อัตราดังกล่าวจะดู "น่าพอใจ" หากเทียบกับระดับ 36% ที่เคยถูกเสนอมาก่อนหน้านี้ แต่เบื้องหลังตัวเลขนี้ ไทยอาจต้องแลกกับเงื่อนไขหลายประการ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การลงทุน และความร่วมมือในมิติต่าง ๆ
MICE Outlook สัปดาห์นี้ เราจะพาคุณผู้อ่านไปสำรวจประเด็น "ภาษีทรัมป์" ให้ลึกขึ้น วิเคราะห์ว่าไทยต้องแลกอะไรกับอัตราภาษี 19% นี้ อุตสาหกรรมใดต้องรับแรงกระแทก และที่สำคัญที่สุด ผู้ประกอบการไมซ์ไทยจะคว้าโอกาสในความปั่นป่วนนี้ได้อย่างไร ตั้งแต่การดึงดูดกลุ่มทุนใหม่ สร้างเวทีระหว่างประเทศ ไปจนถึงการปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นบนเวทีเศรษฐกิจโลก
MICE Outlook สัปดาห์นี้ เราจะพาคุณผู้อ่านไปสำรวจประเด็น "ภาษีทรัมป์" ให้ลึกขึ้น วิเคราะห์ว่าไทยต้องแลกอะไรกับอัตราภาษี 19% นี้ อุตสาหกรรมใดต้องรับแรงกระแทก และที่สำคัญที่สุด ผู้ประกอบการไมซ์ไทยจะคว้าโอกาสในความปั่นป่วนนี้ได้อย่างไร ตั้งแต่การดึงดูดกลุ่มทุนใหม่ สร้างเวทีระหว่างประเทศ ไปจนถึงการปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นบนเวทีเศรษฐกิจโลก

What MICE need to know
• MICE Intelligence Center เห็นโอกาสเติบโตในอุตสาหกรรมหลัก 6 กลุ่มที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาเซียน ภายหลังการเจรจาลดภาษีและปรับโครงสร้างทางการค้าระหว่างประเทศในยุคหลังทรัมป์ ได้แก่ โลจิสติกส์, เซมิคอนดักเตอร์และ ICT, ดิจิทัลและคลาวด์, พลังงานสะอาด, อาหารสัตว์ และเครื่องจักร-ยานยนต์ ซึ่งไทยมีศักยภาพสูงในฐานะฐานผลิตสำคัญ และภายใต้บริบทที่หลายประเทศลดการพึ่งพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเร่งสร้างพันธมิตรระดับภูมิภาคกับยุโรปและอาเซียน ประเทศไทยและภาคไมซ์จึงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนผ่านจาก “ผู้จัดงาน” สู่ “ผู้กำหนดทิศทาง” โดยใช้เวทีไมซ์เป็น “Safe Economic Space” และ “Partnership Platform” ในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเทคโนโลยี การลงทุน และนวัตกรรม เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจในระดับภูมิภาคและนานาชาติอย่างมั่นคงและยั่งยืน

Under Tariff Pressure: Who Must Adapt? ภายใต้แรงกดดันภาษีใครต้องปรับตัว?
การเมืองระหว่างประเทศและการปรับโครงสร้างภาษี ข้อตกลงทางการค้ากลายเป็นตัวเร่งให้ประเทศต่าง ๆ ต้อง “คิดใหม่ ทำใหม่” และไทยเองก็กำลังยืนอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ภายหลังการเจรจาระหว่างไทย–สหรัฐฯ ซึ่งนำไปสู่การลดภาษีตอบแทน (Retaliatory Tariff) จาก 36% เหลือ 19% นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไป แม้จะถูกมองว่าเป็นความสำเร็จในมิติการทูต แต่ในอีกด้านหนึ่ง ข้อตกลงนี้คือสัญญาณเตือนชัดเจนถึงการเปลี่ยนเกมการแข่งขันของไทยในตลาดโลก เกมที่ไม่ได้วัดกันแค่ “ราคา” แต่ชี้วัดกันที่ “ความสามารถในการปรับตัว” และถือเป็นข้อตกลงที่ไทยยอม “แลก” หลายอย่างเพื่อ “ได้” บางอย่างที่มากกว่าแค่การค้าขาย
โดยอุตสาหกรรมไทยหลายกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นหลัก เช่น ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และสิ่งทอ กำลังเผชิญความท้าทายใหม่ ทั้งจากต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น มาตรฐานที่เข้มงวดขึ้น และห่วงโซ่อุปทานที่มีความเปราะบางมากขึ้นในบริบทโลกที่ซับซ้อน ในขณะเดียวกัน กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโตภายใต้บริบทใหม่ อาทิ โลจิสติกส์ ดิจิทัลโซลูชัน และ อุตสาหกรรมไมซ์ อาจกำลังยืนอยู่ ณ จุดเริ่มต้นของโอกาสครั้งใหญ่ หากสามารถ Reposition ตัวเองให้สอดรับกับแนวโน้มการลงทุนและความต้องการจากต่างชาติได้อย่างชาญฉลาด คำถามสำคัญคือ ใครจะเป็นฝ่ายที่ปรับตัวได้ทันก่อนแรงกดดัน? และใครจะสามารถเปลี่ยนแรงกดดันให้กลายเป็นแรงผลักดันในการเร่งเครื่องเศรษฐกิจไทยสู่เวทีโลก?

แลกเปลี่ยนทางการค้า… หรือเปิดเกมรุกในสนามเศรษฐกิจใหม่?
การเจรจาลดภาษีระหว่างไทยและสหรัฐฯ สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทยสู่ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแบบใหม่ ที่เน้น “การลงทุนเชิงโครงสร้าง” เพื่อวางรากฐานการเติบโตในระยะยาวอย่างมั่นคงและยั่งยืน เนื่องจากไทยได้ยื่นข้อเสนอมากกว่า 10 ข้อในการเจรจา อาทิ การยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ประมาณ 90% โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพสูง เช่น เครื่องมือแพทย์ ชิ้นส่วนรถยนต์ขั้นสูง, การลดข้อจำกัดด้านสุขอนามัยและศุลกากรในรูปแบบ Non-Tariff Barriers (NTBs)
ในด้านการลงทุนไทยได้เปิดโอกาสให้บริษัทสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด (Clean Energy) สนับสนุน Solar, Wind, Hydrogen ดันไทยเป็นฐานการผลิตเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในภูมิภาค Semiconductor & ICT ส่งเสริมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พัฒนา Data Center, Cloud, และ 5G Ecosystem โลจิสติกส์อัจฉริยะ (Smart Mobility) สนับสนุนเทคโนโลยีขนส่ง โกดังอัตโนมัติ และแพลตฟอร์มข้ามพรมแดน ซึ่งนอกจากจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนแล้ว นอกจากนี้ยังได้เสนอช่องทาง “Fast-track” สำหรับนักลงทุนสหรัฐฯ ครอบคลุมการอำนวยความสะดวกด้านเอกสาร การจัดหาที่ดิน และการจับคู่ธุรกิจ พร้อมสิทธิประโยชน์จาก BOI

ขณะเดียวกัน การนำเข้าพลังงานก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas) และเครื่องบิน Boeing จากสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่ม MRO (Maintenance, Repair, Overhaul) และ Supply Chain ที่เกี่ยวข้องในไทย และช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและการบินให้พร้อมรองรับนักเดินทางต่างชาติ และสนับสนุนศักยภาพการจัดงานไมซ์ในเมืองรองอย่างมีนัยสำคัญ ในมิติเทคโนโลยี ไทยได้รับการยกเว้นภาษีบริการดิจิทัลและคลาวด์จากผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น AWS และ Google Cloud เป็นการชั่วคราว
นอกจากนี้ ไทยยังตั้งเป้าจะลดดุลการค้ากับสหรัฐฯ ภายใน 5 ปี ด้วยการเพิ่มการนำเข้าและดึงดูดการลงทุน เปิดโอกาสให้งานไมซ์กลายเป็นกลไกสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน และแม้บางอย่างไทยยังสงวนสิทธิ์ไม่ลดภาษีเป็นศูนย์กับสินค้ายุทธศาสตร์อย่างข้าว น้ำตาล และผลไม้แปรรูป เพื่อปกป้องเกษตรกรไทย แต่สินค้าพวกนี้กลับกลายเป็นจุดแข็งในงานไมซ์อย่างงานแสดงสินค้าอาหาร สัมมนาด้านเกษตรแปรรูป หรือกิจกรรมส่งเสริม Soft Power ด้านอาหารไทย สรุปให้เห็นว่าประเทศไทยใช้กลยุทธ์ใหม่ในการปูทางสู่การเป็น “Strategic Partner” และต้องการ “ผูกห่วงโซ่อุปทาน” กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกของสหรัฐฯ ให้ไทยกลายเป็นฐานการผลิต การวิจัย และนวัตกรรมร่วมในระยะยาว

ทั้งนี้ จากข้อเสนอดังกล่าวข้างต้น ทาง MICE Intelligence Center ได้มีมุมมองต่อของการเติบโตในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง 6 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก สู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน ผ่านกรอบวิเคราะห์ “4M” Market Size ตลาดนี้ใหญ่แค่ไหน? และกำลังเติบโตในทิศทางใด Momentum มีแรงหนุนหรือเทรนด์อะไรที่กำลังผลักดันอยู่? MICE ภาคไมซ์จะมีบทบาทอย่างไรในการปลดล็อกศักยภาพนั้น?
1. Logistics & Infrastructure
• Market Size: ตลาดโลจิสติกส์ของประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ 1.73 ล้านล้านบาทในปี 2025 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ประมาณ 6.22% ในช่วงปี 2025-2030
• Momentum: EEC = ASEAN Logistics Hub ศูนย์กลางการขนส่ง-กระจายสินค้าแห่งภูมิภาค จุดยุทธศาสตร์ของเครือข่าย Logistic Routes ที่จะรองรับการเติบโตของ e-Commerce
• Market Opportunities: สร้าง “ระบบนิเวศเศรษฐกิจใหม่” กับกลุ่มประเทศ CLMV และ South Asia ผ่านการจัดงาน Exhibition และ Business Events ที่เชื่อมโยงระหว่าง การขนส่ง–การค้าข้ามพรมแดน–นวัตกรรมโลจิสติกส์ เช่น งาน Thailand International Logistics Fair (TILOG–LOGISTIX) ที่จะจัดขึ้น 20-22 August 2025 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคฯ กรุงเทพฯ
• MICE: พื้นที่ EEC จะเป็น New MICE City, รองรับการจัดงานระดับภูมิภาค
2. Semiconductor และ ICT
• Market Size: ตลาด ICT ไทยปี 2025 คาดแตะ 8.9 แสนล้านบาท และ Semiconductor ไทยมีศักยภาพสูงหากได้รับเทคโนโลยีถ่ายทอดจาก FDI
• Momentum:“Thailand+1” Strategy
• Market Opportunities: กลุ่มประเทศ Gulf Cooperation Council (ตะวันออกกลาง), อินเดีย เวียดนาม เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ซึ่งไมซ์สามารถเข้ามาเป็นกลไก สร้างเครือข่าย ถ่ายทอดเทคโนโลยี และเปิดตลาดใหม่ได้
• MICE: ศูนย์กลางจัดประชุมและ Showcase ด้านเทคโนโลยี ICT–Semiconductor โดยเฉพาะในโซน EEC และกรุงเทพฯ เช่น งานแสดงสินค้า Thailand Electronics Circuit Asia 2025 ที่จะจัดวันที่ 20-22 สิงหาคม 2025 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ เวทีระดับนานาชาติที่รวบรวมผู้ประกอบการชั้นนำจากทั่วโลกในสายงาน PCB (Printed Circuit Board), PCBA (Printed Circuit Board Assembly) และ Electronics Manufacturing Services (EMS) เพื่อแสดงนวัตกรรมล่าสุด สร้างโอกาสทางธุรกิจ และขยายเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3. Digital Services / Cloud
• Market Size: ตลาด Cloud มีการเติบโตที่ CAGR 23.68% ในช่วงปี 2025–2030
• Momentum: ต้นปี 2025 AWS ทุ่มลงทุน 190,000 ล้านบาท ตั้งศูนย์คลาวด์ระดับภูมิภาคในไทยภายในปี 2580
• Market Opportunities: กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ CLMV กำลังเร่งพัฒนาดิจิทัลทั้งในภาคธุรกิจ SME และภาครัฐ (E-Government), เอเชียใต้ โดยเฉพาะอินเดียที่เป็นผู้นำด้าน Cloud และ SaaS กำลังขยายตลาด, ตลาด Startup และ SaaS สำหรับ SMEs กำลังเติบโต จะช่วยเปิดตลาดใหม่และขยาย Ecosystem ด้านเทคโนโลยีในภูมิภาค
• MICE: ศูนย์กลางจัดงานด้าน Cloud, SaaS, AI & DevOps, ดึง B2B Buyer มาจากอาเซียน เช่น การจัดงาน DigiTech ASEAN Thailand & AI Connect 2025 ที่จะจัดขึ้นวันที่ 19–21 พฤศจิกายน 2025 ณ IMPACT Exhibition & Convention Centre, กรุงเทพฯ นำเสนอเทคโนโลยี Cloud, AI, SaaS และ Business Software โดยมีผู้แสดงสินค้าไม่ต่ำกว่า 350 ราย และผู้เข้าร่วมงานกว่า 8,000 คน (ผู้ซื้อ B2B) จากทั่วภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และ Sessions ทางเทคนิคอีกมากมาย
4. Clean Energy
• Market Size: ตลาดพลังงานสะอาดมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ามากกว่า 60,000 ล้านบาท
• Momentum: เป้าหมายเป็น Carbon-Neutral ภายในปี 2050, BOI ผลักดันการลงทุนพลังงานสะอาด 10 ปี มูลค่ากว่า 5.6 แสนล้าน
• Market Opportunities: ASEAN Regional Market, New Green Economy Sectors, ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน
• MICE: ให้การจัดงานไมซ์เป็นแพลตฟอร์มรวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งผู้ประกอบการ ธุรกิจ NGO และภาครัฐ โดยสามารถจัดกิจกรรม Incentives หรือ Site Visits พาผู้ร่วมงานเยี่ยมชมโครงการพลังงานสะอาดในชุมชนจริง เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจ Green Economy รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับ NGOs ในการจัดงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้า เช่น งาน ASIA Sustainable Energy Week 2025 เป็นต้น
5. Livestock industry
• Market Size: ตลาดอาหารสัตว์ในไทยมีมูลค่าราว 3.2 แสนล้านบาทในปี 2024
• Momentum: ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์อันดับต้น ๆ ของอาเซียน และการจัดงาน VIV Asia 2025 ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 12–14 มีนาคม 2025 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จที่โดดเด่น เนื่องจากมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 51,000 คนจาก 129 ประเทศ และผู้แสดงสินค้ากว่า 1,500 รายจาก 63 ประเทศ สะท้อนถึงบทบาทสำคัญของงานในฐานะแพลตฟอร์มชั้นนำของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และปศุสัตว์ในภูมิภาคเอเชีย
• Market Opportunities: กลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ CLMV ผ่านการจัดสัมมนาร่วมทุน (Joint Investment Forums), งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรม, หรือ Business Matching ระหว่างไทยกับนักลงทุนใน, ตลาดจีนและอินเดีย, Pet Food Market, อุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกษตรและฟาร์มอัจฉริยะ เป็นต้น
• MICE: สนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้า เช่น AgriTech Expo, Feed & Livestock Asia และ Pet Food Business Forum พร้อมทั้งเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับอาเซียนในอุตสาหกรรมปศุสัตว์
6. Machinery & Automotive
• Market Size: มูลค่าการส่งออกเครื่องจักรและยานยนต์ 1 ล้านล้านบาทในปี 2024
• Momentum: ไทยเป็นฐานผลิตยานยนต์อันดับต้นในอาเซียน โดยเฉพาะ EV และชิ้นส่วนระบบขับเคลื่อน
• Market Opportunities: ASEAN, ตลาด EV และเทคโนโลยีสีเขียวในยุโรปและญี่ปุ่น, จีนและตลาด Greater Bay Area (GBA), กลุ่ม Original Equipment Manufacturer
• MICE: ผลักดันการจัดงานฝั่งระยอง–ชลบุรี ที่มีฐานอุตสาหกรรมรองรับ, สร้างงาน B2B และ Matching กับผู้จัดจำหน่าย–OEM ระดับนานาชาติ เช่น การจัดงานในกลุ่มงานแสดงสินค้า ไม่ว่าจะเป็นงาน Manufacturing Expo 2025, Thailand International Auto Parts & Accessories Show 2025 หรือในกลุ่ม Convention ที่เชื่อมโยงการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และสร้างเครือข่ายธุรกิจ Automotive Summit 2025 เป็นต้น

และจุดแข็งของไทยในเวทีการลงทุนโลกยังสะท้อนผ่านปัจจัยเปรียบเทียบที่เหนือกว่าหลายประเทศคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร ทั้งนิคมอุตสาหกรรม ท่าเรือ สนามบิน และระบบ 5G ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนความพร้อมของห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ และบุคลากรคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานฝีมือ วิศวกร หรือผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติที่สามารถเข้าทำงานในไทยได้สะดวกยิ่งขึ้นผ่านระบบ Smart Visa เมื่อประกอบกับความสามารถในการเจรจาการค้าให้ได้อัตราภาษีที่แข่งขันได้กับประเทศอื่น เช่น เวียดนาม ไทยจึงมีแต้มต่อสำคัญที่สามารถใช้เป็น “หมัดเด็ด” ในการดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมก้าวสู่การเป็นพันธมิตรที่สหรัฐฯ ให้ความไว้วางใจทั้งในมิติของเศรษฐกิจ นวัตกรรม และความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก

Reshaping the Economic Landscape จังหวะใหม่ของภูมิทัศน์เศรษฐกิจ
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจากนโยบายการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลายประเทศเริ่มลดการพึ่งพาสหรัฐฯ และหันมาเร่งสร้างพันธมิตรในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะกับ ยุโรป (Europe) ที่มีบทบาทสำคัญในเวทีเศรษฐกิจโลก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) ที่ได้รับความสนใจในฐานะ “ศูนย์กลางเศรษฐกิจเกิดใหม่” ที่มีศักยภาพทั้งด้านประชากร เทคโนโลยี และการลงทุน การเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) และหุ้นส่วนเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน (CEPA) ระหว่างประเทศในอาเซียนกับสหภาพยุโรป จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดตลาดและเชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าระหว่างสองภูมิภาค
โดยประเทศไทยควรขับเคลื่อนบทบาทผ่านเวทีไมซ์นานาชาติ ยกระดับจาก “ผู้จัดงาน” ไปสู่ “ตัวกลางเชิงกลยุทธ์” ที่ใช้เวทีไมซ์เป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ เชื่อมโยงภาครัฐ ภาคเอกชน และนักลงทุนจากหลายประเทศในฐานะ “แพลตฟอร์มเศรษฐกิจปลอดภัย (Safe Economic Space) และ แพลตฟอร์มสร้างพันธมิตร (Partnership Platform) ในกรอบเศรษฐกิจใหม่ ๆ” สำหรับการพบปะ แลกเปลี่ยน และต่อยอดความร่วมมือระหว่างประเทศในรูปแบบใหม่ ทั้งด้านการลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมร่วม
ตัวอย่างเช่น การจัดงาน ITB Berlin 2025 ณ Berlin ExpoCenter City กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ที่ประเทศไทยได้ขนทับผู้ประกอบการไมซ์เข้าร่วมงานแสดงสินค้าและประชุมด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดโอกาสในการขยายความร่วมมือกับภาคธุรกิจและองค์กรจากยุโรป นำเสนอความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานระดับนานาชาติ ผู้ให้บริการที่มีมาตรฐานคุณภาพ ตลอดจนแนวคิดการสร้าง “การเชื่อมต่อระดับเมืองสู่เมือง” (City-to-City Connectivity) ผ่านการเปิดเส้นทางบินใหม่ การขยายเครือข่ายไมซ์ และการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่น ครบวงจร สะท้อนบทบาทของไทยในฐานะ “จุดยุทธศาสตร์” ที่สามารถเชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ถือเป็นแรงสั่นสะเทือนที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ และทิศทางของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย การเตรียม “รับมือ” และ “ปรับตัว” จึงเป็นหัวใจสำคัญ ไทยอาจได้โอกาสใหม่จากการเปิดตลาดสินค้านำเข้า-ส่งออก และการจับคู่ธุรกิจใหม่กับพันธมิตรต่างประเทศ ขอเพียงผู้ประกอบการ “มองให้ขาด ปรับให้ไว และเดินเกมให้กล้า” ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจโลกเช่นนี้
MICE Outlook สัปดาห์หน้า จะพาคุณก้าวข้ามขอบเขตเดิม ๆ ของอุตสาหกรรมไมซ์ สู่เรื่องราวที่จุดประกายไอเดียใหม่ พลิกมุมมอง และเปิดประตูสู่โอกาสที่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความยั่งยืน ซึ่งอาจเป็นกุญแจสู่แนวโน้มใหม่หรือโอกาสที่ซ่อนอยู่ในอนาคตของไมซ์ แล้วมาค้นหาคำตอบไปด้วยกัน!
แหล่งอ้างอิง :
• ‘BOI’ เจาะ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย งัดยุทธศาสตร์ผูกซัพพลายเชนกับสหรัฐฯ ชูแต้มต่อเหนือแรงกดดันภาษี: https://thestandard.co/boi-5-industries-us-supply-chain/?fbclid=IwQ0xDSwLkEOpleHRuA2FlbQIxMQABHoUhhLwC5s3eyPC2mUgew2R2ON6e96lJ83i4MQbpkHpUsirZall9JHqnQG42_aem_4tbfQsyVDdNfCwDFFf1g9Q
• Dr. Suvit Maesincee's: https://www.facebook.com/share/p/16tcze4V52/?mibextid=wwXIfr
• สรุป 10 ข้อ ไทย “แลก” อะไรกับสหรัฐฯ เพื่อต่อรองลดอัตรา: https://www.facebook.com/share/p/16nWtAhZSs/
• Thailand Digital Transformation Market Size & Share
Source: https://www.mordorintelligence.com/industry-reports/thailand-digital-transformation-market , https://www.mordorintelligence.com/industry-reports/thailand-freight-and-logistics-market
• ตลาดอุตสาหกรรมต่อเนื่อง: www.mordorintelligence.com, www.krungsri.com, www.alibabacloud.com, thaitv5hd.com, fti.or.th, www.scbeic.com
• บีโอไอหนุนพลังงานสะอาด ดึงลงทุน 5.6 แสนล้าน ไทยก้าวสู่ฮับอาเซียน: https://enconfund.go.th/%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%94/, https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1176312, https://justpow.co/infographic-marketshare-private-powerplant/
• Logistics & Infrastructure: https://uploads.tpso.go.th/TPSO-Logistics-info-2566.pdf, https://www.nexdigm.com/market-research/report-store/thailand-logistics-market-research-report/, https://www.marketreportanalytics.com/reports/thailand-logistics-market-9535