ปัจจุบันทุกธุรกิจต้องเดินหน้าปรับตัวเพื่อนำเสนอสินค้า และบริการให้สอดรับกับความต้องการ และความสนใจที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค เช่นเดียวกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์ เมื่อการจัดงานหรือกิจกรรมรูปแบบเดิม ๆ ไม่สามารถดึงดูดใจ หรือสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้กับผู้เข้าร่วมงานได้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสร้างสรรค์ประสบการณ์เสมือนจริง (Immersive Experience) อย่าง AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้จัดงานไมซ์นำมาใช้สร้างความแตกต่าง และเพิ่มความโดดเด่นของงาน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ รวมถึงเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
โดยวันนี้จะพาทุกท่านมาพูดคุยกับ ดร. ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป แห่ง True Digital Park ศูนย์กลางนวัตกรรมดิจิทัลแห่งแรกของประเทศไทย ที่จะมาร่วมแชร์แนวคิด การนำเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ไอเดียในการจัดงานให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัส และดื่มด่ำไปกับ “Immersive Experience” เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ดิจิทัลบนโลกเสมือนที่สมจริง
ปรับตัวไปสู่ “สิ่งที่ดีกว่า”
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้ผู้คนเคยชินกับการใช้ชีวิตประจำวันบนโลกออนไลน์ และเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง เนื่องจากมีความสะดวกสบาย และได้รับความสนุกตื่นตาตื่นใจไปกับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา ในขณะเดียวกันก็เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ช่วยลดข้อจำกัดด้านสถานที่ในการจัดงาน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มจำนวนการเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้นอีกด้วย
การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ถือเป็นเรื่องยากซะทีเดียว หากผู้ประกอบการให้ความสำคัญ และริเริ่มลงมือเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า โดยการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ ๆ จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานกับการทำธุรกิจรูปแบบเดิม ทั้งนี้ ดร.ธาริต เล่าให้เราฟังถึงการปรับตัวของ True Digital Park ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อม 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ความรู้ และเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการทำงาน เพื่อให้สามารถรองรับการจัดงานในทุกรูปแบบ รวมถึงสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้เข้าร่วมงานด้วย
Turning point ตั้งต้นค้นหาจุดเปลี่ยน
แม้การนำเทคโนโลยีอย่าง AR, VR หรือ Virtual Technology อื่น ๆ เข้ามาปรับใช้ในธุรกิจจะเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการไมซ์ แต่หากเริ่มปรับ และค่อย ๆ เปลี่ยนจากกระบวนการเล็ก ๆ ภายในองค์กร ก็จะสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ และประเมินผลของงานได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับ True Digital Park ที่ได้พยายามลองผิดลองถูก จนค้นพบจุดเปลี่ยนสำคัญจากการนำเทคโนโลยี “Virtual Tour” มาใช้นำเสนอที่ตั้งของอาคารให้ผู้ที่สนใจจะจัดงาน หรือใช้สถานที่สามารถสำรวจและเยี่ยมชมอาคารผ่านหน้าเว็บไซต์แบบทุกซอกทุกมุม โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมายังสถานที่จริง
https://www.truedigitalpark.com/about/virtual-tour
ดร. ธาริต ได้เล่าให้ฟังว่า “ตอนตัดสินใจทำ Virtual Tour ผลปรากฏว่ามีผู้เข้ามาเยี่ยมชม และใช้งานจำนวนมากเกิดการติดต่อขอใช้พื้นที่เป็นออฟฟิศทำงาน และพื้นที่สำหรับจัดงาน รวมถึงมีองค์กรต่างประเทศที่สนใจอยากจะขอทำทัวร์ที่นี่อย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะประสบการณ์ในนั้นมีความน่าสนใจ” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้นั้นจะช่วยเปิดโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจ และด้วยความเชื่อที่ว่า “สถานที่จัดงานที่ดีจะต้องมี Activity ที่ทำให้คนสามารถมีส่วนร่วมกับสถานที่ได้” True Digital Park จึงพยายามมองหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเพิ่มคุณค่าของสถานที่ และการจัดงานให้ดียิ่งขึ้น
“The Gate Immersive Theater” นิทรรศการศิลปะแนวใหม่ในโลกเสมือนจริง
True Digital Park ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จึงได้มองหาโอกาสในการดึงผู้บริโภคให้เข้ามามีส่วนร่วมกับพื้นที่สร้างสรรค์ของ True Digital Park มากขึ้น โดยการจัดนิทรรศการศิลปะ “The Gate Immersive Theater” ภายใต้ความร่วมมือกับ Topos Studio สตูดิโอระดับโลกจากประเทศเกาหลีใต้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะชวนทุกคนไปสัมผัสกับผลงานศิลปะรูปแบบใหม่ โดยใช้เทคนิคการ Mapping ฉายภาพลงบนพื้นที่ขนาดใหญ่ ด้วยภาพกราฟิก 3 มิติที่มีความละเอียดสูง ผสมผสานกับสื่อมัลติมีเดียทั้งแสง สี เสียง เข้ามาช่วยสร้างบรรยากาศให้ผู้ชมงานได้ดื่มด่ำกับงานศิลป์ได้อย่างเต็มที่
https://www.thaipost.net/news-update/288680/
นิทรรศการดังกล่าวถือเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของการส่งมอบ “Immersive Experience” ให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน อาจกล่าวได้ว่านี่คือพื้นที่การแสดงผลงานศิลปะแบบใหม่ที่ไม่ใช่การนำเสนอผลงานศิลปะในห้องสี่เหลี่ยมปูนเปลือย แต่เป็นการแต่งแต้มเติมเต็มด้วยงานศิลปะเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา ทำให้ผู้ชมได้รู้สึกเหมือนตนเองหลุดไปในมิติของงานศิลปะ ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจากผู้เข้าชมงาน รวมถึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่สนใจนอกเหนือจากกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ดร. ธาริต ได้ทิ้งท้ายถึงมุมมองต่ออุตสาหกรรมไมซ์ที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล ท่ามกลางการปรับตัวของธุรกิจเพื่อเพิ่มโอกาสการเป็นผู้ชนะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง นี่อาจจะเป็นสัญญาณบอกกับผู้ประกอบการว่า การจัดงานไมซ์ในปัจจุบันต้องมากกว่าแค่การมองเห็นหรือได้ยิน ซึ่ง “Immersive Experience” จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการมอบประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่สามารถมัดใจผู้เข้าร่วมงานได้