สรุปโดย AI
ปัจจุบันงานเทศกาลไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง แต่ผสานเสน่ห์ดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ยกระดับให้ทันสมัย ดึงดูดนักเดินทางไมซ์
เทคโนโลยีพาไปสู่ดิจิทัลด้วย Hybrid Event, Personalization เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วม Interactive และประสบการณ์ Unique Experience
เทคโนโลยีช่วยบริหาร Ecosystem ของงานและออกแบบกิจกรรมที่ตอบโจทย์ความคาดหวังที่เปลี่ยนไป
ในปี 2567 รัฐบาลไทยจัดสรรงบประมาณกว่า 1,009 ล้านบาทสนับสนุนอุตสาหกรรมการจัดงานและเทศกาลผ่าน Soft Power
ตัวอย่างการใช้งานจริง เช่น RFID/NFC/QR สำหรับบัตรและการสแกนเข้าชม พร้อมถ่ายทอดสดและเก็บข้อมูลพฤติกรรมผู้ร่วมงาน
Ragnarok Real World Experience Bangkok 2024, Wonderfruit และ Rolling Loud แสดงการใช้เทคโนโลยีเพื่อประสบการณ์ immersive และความปลอดภัย
ปัจจุบันการจัดงานเทศกาลไม่ได้จำกัดเพียงแค่การเฉลิมฉลอง หรืองานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมประเพณีเท่านั้น แต่สามารถต่อยอดพัฒนาไปสู่งานรูปแบบใหม่ ๆ ที่มอบประสบการณ์เหนือระดับเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการผสมผสานเสน่ห์ดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อยกระดับงานเทศกาลให้ทันสมัย เป็นสากล และดึงดูดความสนใจจากนักเดินทางไมซ์ได้ดียิ่งขึ้น
Key Takeaways
ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ส่งผลให้งานเทศกาลและกิจกรรมไมซ์เดินหน้าเข้าสู่รูปแบบดิจิทัลมากขึ้น เช่น การผสมผสานการจัดงานทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ (Hybrid Event) ตลอดจนการนำข้อมูลมาออกแบบการจัดงาน (Personalization) เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมงาน (Interactive) และมุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร (Unique Experience)
การประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมีผลต่อการจัดงานในอนาคต และจะกลายเป็นตัวแปรสำคัญในการพลิกโฉมการจัดเทศกาล และงานไมซ์ที่จะช่วยให้ผู้จัดงานสามารถบริหารจัดการงานและออกแบบกิจกรรมที่สามารถตอบสนองความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้เข้าร่วมงานได้อย่างตรงจุด

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และทิศทางการปรับเปลี่ยนรูปแบบเทศกาลและงานไมซ์
ในขณะที่การท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัวและกลับมาเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย "งานเทศกาล" เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว กระตุ้นการใช้จ่าย ส่งเสริมภาคธุรกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ให้ผู้คนและท้องถิ่นอย่างทั่วถึง แนวคิด "Festival Economy" หรือ "เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยเทศกาล" จึงได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไมซ์

โดยปฏิเสธไม่ได้ว่า ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี ส่งผลให้งานเทศกาลและกิจกรรมไมซ์เดินหน้าเข้าสู่รูปแบบที่เป็นดิจิทัลมากขึ้น เช่น การนำข้อมูลมาออกแบบการจัดงาน (Personalization) เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้เข้าร่วมงาน (Interactive) และมุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร (Unique Experience) โดยกระบวนการเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการตลอดทั้ง Ecosystem ของการจัดงาน

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2567 รัฐบาลไทย โดยคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติได้จัดสรรงบประมาณให้กับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการจัดงาน และเทศกาลกว่า 1,009 ล้านบาท โดยใช้ศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมทางวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพลักษณ์ รวมทั้งมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ การประชาสัมพันธ์เหตุการณ์ทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย เพื่อผลักดันให้เกิดงานเทศกาล และกิจกรรมไมซ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งการใช้งบประมาณในการสนับสนุนอุตสาหกรรมการจัดงานและเทศกาลที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power กิจกรรมทางวัฒนธรรมจะสามารถสร้างความสนใจ และสร้างอิทธิพลให้กับชาวต่างชาติทั่วโลก ทำให้เกิดการตัดสินใจในการเดินทางมาเยี่ยมชมและสนใจประเทศไทยมากขึ้น

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าร่วมงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในงานเทศกาล
การจะทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางการจัดงานเทศกาลระดับโลก ถือเป็นภารกิจที่ท้าทายของประเทศ ซึ่งต้องเตรียมความพร้อมหลายด้าน เพื่อให้สามารถรองรับการจัดงานเทศกาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยครอบคลุมตั้งแต่สถานที่จัดงาน พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก รวมถึงการบริหารจัดการที่ดีผ่านการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดี และอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้เข้าร่วมงาน เช่น การใช้แอปพลิเคชันสำหรับลงทะเบียน และการแสดงผลข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม เป็นต้น ทั้งยังมีส่วนช่วยลดความซับซ้อนการดำเนินงานและเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดงานได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างจากบริษัทผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีชั้นนำ ในการจัดงานของประเทศไทยอย่าง Ticketmelon ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากการเรียนรู้ Pain Point ของผู้เข้าร่วมงานที่ต้องเผชิญกับระบบการเข้าร่วมงานที่ไม่ราบรื่น มีความล่าช้า จากข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น นำไปสู่การต่อยอดธุรกิจ โดยนำเสนอเทคโนโลยีช่วยยกระดับการจัดงานในเทศกาล Wonderfruit ผ่านโซลูชันระบบจำหน่ายบัตร และ In-Event Solutions เทคโนโลยี RFID/NFC หรือ QR Code มาใช้กับสายรัดข้อมือ ป้ายคล้องคอ และบัตรเข้างาน เพื่อสแกนซื้อสินค้า หรือเป็นระบบสแกนการเข้าร่วมกิจกรรมในบูธต่าง ๆ ตลอดจนบริการถ่ายทอดสดงานอีเวนต์ผ่านระบบสตรีมมิ่ง โดยจะมีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้ที่เข้ามาร่วมงาน เพื่อช่วยให้ผู้จัดงานสามารถวางแผนการทำงานได้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ และเหมาะสมกับรูปแบบของแต่ละงาน

ในขณะที่ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ได้ปรับทิศทางกลยุทธ์การจัดงาน โดยเฉพาะการส่งเสริม “Impressive & Immersive Experience” เน้นเจาะไปที่งานด้านโพรดักชันส์ เพื่อสร้างประสบการณ์แบบครบรส ทั้ง รูป, รส, กลิ่น, เสียง และการสัมผัส เนื่องจากได้เล็งเห็นถึงเทรนด์การจัดงานในปี พ.ศ. 2567 คือ การจัดงานโดยนำเทคโนโลยีเข้ามายกระดับประสบการณ์ให้เป็นเหมือนโลกแห่งจินตนาการมากขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์แปลกใหม่ น่าตื่นเต้นและสนุกสนาน เช่น การจัดงาน “Ragnarok Real World Experience Bangkok 2024” นิทรรศการเกมแบบ Immersive ครั้งแรกในไทย ที่ถูกออกแบบให้เหล่า เกมเมอร์ได้มาเปิดมิติใหม่ในโลกแห่งความเป็นจริง และเปลี่ยนจากเกมซึ่งเดิมเคยได้รับความสนใจจากผู้คนเฉพาะกลุ่ม ให้กลายเป็นงานรูปแบบใหม่ที่เชิญชวนและเปิดโอกาสให้ผู้คนทุกกลุ่มได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม

งานเทศกาลเปรียบเสมือนพื้นที่เชื่อมโยง และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้คนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสนุกสนาน ความปลอดภัยย่อมเป็นสิ่งที่นักเดินทางทุกคนปรารถนา ผู้จัดงานจึงมีหน้าที่สำคัญในการสร้างความมั่นใจให้ผู้เข้าร่วมงาน โดยปัจจุบันสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ เช่นเดียวกับ เทศกาลดนตรี ฮิปฮอประดับโลกอย่าง “Rolling Loud” ณ สหรัฐอเมริกา ที่มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 100,000 คน ได้ใช้เทคโนโลยี EvenTech Systems ติดตั้งระบบตรวจจับอาวุธขั้นสูง OPENGATE ตรวจสอบสิ่งของที่อาจเป็นอันตราย ซึ่งสามารถช่วยลดขั้นตอนของพนักงานคัดกรองลงได้ 64% และลดกระบวนการตรวจจับโลหะลงได้ถึง 66% ซึ่งส่งผลดีทั้งต่อผู้จัดงานในการลดต้นทุนด้านทรัพยากร และผู้เข้าร่วมงานสามารถเพลิดเพลินเต็มที่ไปกับประสบการณ์ภายในงาน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย

ในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงของการจัดงาน มุมมองเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีมีผลต่อการจัดงานในอนาคต ซึ่งจะไม่เพียงวัดผลที่จำนวนคนเข้าร่วมงาน แต่ยังวัดที่คุณภาพของการเสริมสร้างประสบการณ์ และทำให้กิจกรรมต่าง ๆ เข้าถึงผู้เข้าร่วมงานในวงกว้างได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยเทคโนโลยีได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญในการพลิกโฉมการจัดเทศกาล และงานไมซ์ที่จะช่วยให้ผู้จัดงานสามารถบริหารจัดการงานและออกแบบกิจกรรมที่คาดการณ์ และตอบสนองความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้เข้าร่วมงานได้อย่างตรงจุด รวมทั้งช่วยให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินกิจกรรมจะราบรื่น โดยที่ผู้ประกอบการไมซ์เรียนรู้ที่จะปรับตัวผ่านการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของความสำเร็จได้

MICE Outlook สัปดาห์หน้า จะขอพาทุกท่านไปพบกับ “การจัดงานเทศกาลบนเส้นทางของความยั่งยืน” มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น และสร้างประโยชน์ต่อชุมชน พร้อมกรณีศึกษา ตลอดจนแนวทางการนำมาต่อยอดธุรกิจไมซ์ ที่จะช่วยปลุกไอเดียและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการไมซ์ ต้องไม่พลาดที่จะพบกับเนื้อหาเข้มข้นที่ครอบคลุมทุกแง่มุม
