The US Election: Navigating the Evolving Landscape for Thailand’s MICE Industry ภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ

Author : Mice Intelligence Team
Views 716 | 24 Jun 2024

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปี 2024 กำลังใกล้เข้ามานั้นเป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสหรัฐอเมริกามีบทบาทสำคัญในเวทีเศรษฐกิจและสังคมโลก การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลใหม่จากทั้งสองพรรคการเมืองที่มีโอกาสขึ้นมาเป็นรัฐบาล อาจส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งอุตสาหกรรมไมซ์ในประเทศไทย

MICE Outlook สัปดาห์นี้ จะพาทุกท่านมาร่วมวิเคราะห์โอกาส และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต่ออุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อให้สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลง



Key takeaways

• นโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพับลิกัน ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศคือ ข้อตกลงการค้าแบบรวมกลุ่มทางภูมิภาค (Regional Intergration)ซึ่งทำให้เกิดการค้าแบบภูมิภาค (Regionalization) สถานการณ์นี้ส่งผลต่อผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกาและทวีปอเมริกาเหนือที่จะลงทุนและจัดงานในต่างประเทศลดลง รวมทั้งยังมีแนวโน้มสูงที่นักเดินทางไมซ์ในระยะทางไกลข้ามภูมิภาคหรือทวีป? (Long-Haul) ในกลุ่มMeeting และ Conventions จะเดินทางลดลงด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการไมซ์ไทยจะต้องปรับตัว และพึ่งพา สร้างความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาค เช่น ประเทศในอาเซียน ประเทศในเอเชียตะวันออก เป็นต้น เพื่อดึงนักเดินทางไมซ์ภายในภูมิภาคเดียวกัน (Short-haul)
• สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีนในอัตรา 102.5% จากที่เคยเก็บอยู่ในอัตรา 27.5% ในขณะเดียวกันประเทศจีนที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โต้กลับด้วยการขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและอียู เป็น 25% จากอัตราเดิม 15% ซึ่งส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิตยานยนต์ทั่วโลก รวมทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ทำให้เห็นโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยที่จะเป็นเวทีสื่อกลางดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติด้านอุตสาหกรรมยานยนต์เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ผ่านการจัดงานไมซ์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น งาน Electric Vehicle Asia 2024, Bangkok EV Expo, ELECTRIC VEHICLE ASIA (EVA) 2024 เป็นต้น



โอกาสและความท้าทายของอุตสาหกรรมไมซ์กับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะถูกจัดขึ้นในช่วงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2024 โดยจะมีระบบการเมืองแบบสองพรรคหลัก ได้แก่ พรรครีพับลิกัน (Republican) ที่มีผู้สมัครเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีแนวคิดทางการเมืองที่อนุรักษนิยม สนับสนุนการลดหรือจำกัดการใช้งบประมาณของรัฐ ส่งเสริมกลไกตลาดเสรี ต้องการให้รัฐมีบทบาทน้อยลง และพรรคเดโมแครต (Democrat) ที่มีโจ ไบเดน เป็นผู้ลงสมัคร ผู้ที่มีแนวคิดทางการเมืองสังคมนิยมเสรี สนับสนุนการใช้งบประมาณภาครัฐเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสาธารณะ

สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั่วโลกต่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทั้งอุตสาหกรรมไมซ์ไทยหลังจากการเลือกตั้งในประเทศสหรัฐฯ สามารถเป็นได้ทั้งเรื่องนโยบายทางการเงินและการคลังเนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงินและการคลัง เช่น การใช้จ่ายของรัฐ การขึ้นภาษี และกฎระเบียบทางการเงิน สามารถส่งผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ การลงทุน และการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม ความเสถียรภาพทางการเมืองและกฎระเบียบของรัฐบาล ความไม่แน่นอนทางการเมืองและความขัดแย้ง ส่งผลให้ธุรกิจชะลอการลงทุน ผู้คนระมัดระวังการใช้จ่าย และนักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่น ด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องภาษีศุลกากรและข้อตกลงการค้าที่อาจทำให้ราคาสินค้าที่นำเข้าสูงขึ้น ส่งผลต่อตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่อาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งภาพรวมผลกระทบทางการเมืองของสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่หลายภาคส่วน รวมถึงอุตสาหกรรมไมซ์อาจต้องเผชิญหน้าในอนาคต




แม้ว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจจะส่งผลต่อความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจโลก แต่อุตสาหกรรมไมซ์ สามารถหาประโยชน์จากโอกาสที่แฝงอยู่ในนโยบาย กฎหมาย และข้อตกลงการค้าของทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตได้ ตัวอย่างเช่น นโยบายของพรรครีพับลิกันที่จะดำเนินการยกเลิกการลงทุนของบริษัทสหรัฐฯ ในจีนทั้งหมด รวมทั้งยังมีนโยบายที่จะสร้างเมืองใหม่ 10 เมืองบนที่ดินของรัฐบาลกลาง ซึ่งถือเป็นโอกาสให้กับประเทศไทยได้แสดงศักยภาพในการดึงผู้ประกอบการธุรกิจมาร่วมลงทุนในประเทศไทย ในขณะเดียวกันประเทศไทยยังสามารถที่จะเสนอตัวและจัดกิจกรรมไมซ์พาผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างร่วมแสดงศักยภาพในเวทีนานาชาติ เนื่องจากอุตสาหกรรมดังกล่าวเป็นหนึ่งในภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศ


สำหรับนโยบายของพรรคเดโมแครตที่ส่งเสริมและสนับสนุนการเปิดเสรีทางการค้า การร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศ จะช่วยลดต้นทุนและอุปสรรคทางการค้า ทำให้สามารถดึงงานไมซ์นานาชาติ และดึงดูดผู้เข้าร่วมงาน รวมถึงนักลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้ นำไปสู่ การแลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างเครือข่ายของนักเดินทางไมซ์



อย่างไรก็ตาม ยังคงมีประเด็นที่น่าจับตามองจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพับลิกัน ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศคือ ข้อตกลงการค้าแบบรวมกลุ่มทางภูมิภาค(Regional Intergration) ซึ่งทำให้เกิดการค้าแบบภูมิภาค (Regionalization) สถานการณ์นี้ส่งผลต่อผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกาและทวีปอเมริกาเหนือที่อาจจะลงทุนและจัดงานไมซ์ในต่างประเทศลดลง รวมทั้งยังมีแนวโน้มสูงที่นักเดินทางไมซ์ในระยะทางไกลข้ามภูมิภาคหรือทวีป (Long-Haul) ในกลุ่ม Meeting และ Conventions จะเดินทางลดลงด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผู้ประกอบการไมซ์ไทยจะต้องปรับตัว และพึ่งพา สร้างความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาค เช่น ประเทศในอาเซียน ประเทศในเอเชียตะวันออก เป็นต้น เพื่อดึงนักเดินทางไมซ์ภายในภูมิภาคเดียวกัน (Short-haul)


นอกจากนี้ ทั้งพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครต ยังมีนโยบายที่กีดกันประเทศจีน โดยนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีน เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยใช้กลยุทธ์ "America First" มุ่งเน้นไปที่การปกป้องธุรกิจและแรงงานอเมริกัน ในขณะเดียวกันผู้รับช่วงต่ออย่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน พรรคเดโมแครต ยังได้ให้คำมั่นสัญญาเดิมว่ายังจะดำเนินนโยบายที่ "แข็งกร้าว" ต่อจีน แต่จะเป็นการใช้วิธีการที่ "ยืดหยุ่น" และ "ทำงานร่วมกับพันธมิตร" มากกว่า เนื่องจากทางสหรัฐฯ มองว่าประเทศจีนเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และกังวลว่าจะแซงหน้าสหรัฐฯ ในด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ รวมทั้งฐานการผลิตในประเทศของตนเองจะถูกย้ายไปยังประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลต่อตัวเลขการว่างงานในสหรัฐ


จากนโยบายที่เกิดขึ้นทำให้ในปัจจุบันทางสหรัฐฯ ได้เริ่มดำเนินการเดินหน้านำนโยบายมาใช้กับประเทศจีนอย่างเป็นรูปธรรม โดยหนึ่งในนั้นคือ การเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีนในอัตรา 102.5% จากที่เคยเก็บอยู่ในอัตรา 27.5% ในขณะเดียวกันทางประเทศจีนที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ตอบโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาและอียู เป็น 25% จากอัตราเดิม 15% ซึ่งทำให้บรรยากาศการเผชิญหน้าทางการค้ามีความตึงเครียดมากขึ้น และส่งผลต่อห่วงโซ่การผลิตยานยนต์ทั่วโลก รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยรวม




ความขัดแย้งดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ไทยที่จะเป็นเวทีสื่อกลางการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติด้านอุตสาหกรรมยานยนต์เข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งโอกาสในการจัดงานไมซ์เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอถึงความพร้อมและศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตรถยนต์ EV ของโลก เช่น งาน Electric Vehicle Asia 2024, Bangkok EV Expo, ELECTRIC VEHICLE ASIA (EVA) 2024 เป็นต้น เนื่องจากจุดแข็งของประเทศไทย มีทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ใจกลางอาเซียน โครงสร้างพื้นฐาน แรงงานไทยที่มีทักษะ นโยบายสนับสนุนจากทางภาครัฐไทยในการผลิต EV และห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2023 หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ของรัฐ "รายใหญ่" ของประเทศจีน Changan Automobile ได้เล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทยจึงได้ร่วมลงทุนจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยด้วยเงินลงทุนกว่า 8 พันล้านบาท (244 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยที่บริษัทในเครือ Changan Auto Southeast Asia กำลังซื้อที่ดินขนาด 250 ไร่ (40 เฮกตาร์) ที่นิคมอุตสาหกรรม WHA 4 ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดระยอง และมีเป้าหมายที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปี 2025 เพื่อส่งออกทั่วโลก จึงถือเป็นสัญญาณที่ดีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และอุตสาหกรรมไมซ์ในอนาคตที่จะสามารถร่วมกันขับเคลื่อนการจัดงานแสดงสินค้า การประชุมสัมมนา ที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เทคโนโลยี และบริการที่เกี่ยวข้องกับ EV ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นศูนย์กลางการผลิต EV และการจัดงานระดับภูมิภาค




ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดในการหาเสียงเลือกตั้งระหว่างพรรครีพับลิกัน กับพรรคเดโมแครตภายในประเทศสหรัฐฯ รวมทั้งความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงระหว่างประเทศสหรัฐฯ และประเทศจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบทางตรงและทางอ้อมต่ออนาคตของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ทำให้ในอนาคตอันใกล้ ผู้ประกอบการไมซ์อาจจะต้องพบเจอกับความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ ดังนั้น การปรับตัว พัฒนา และพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสจะทำให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน


MICE Outlook สัปดาห์หน้า จะขอพาทุกคนไปร่วมฉลอง Pride Month เทศกาลแห่งความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งศึกษาโอกาส และบทบาทของอุตสาหกรรมไมซ์ในการส่งเสริมความเท่าเทียม ต้องไม่พลาดที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ สร้างพื้นที่ที่ปลอดภัย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปด้วยกัน!


แหล่งที่มา

• การเลือกตั้งในสหรัฐ https://www.bbc.com/thai/articles/crgrdx148v7ohttps://www.kasikornasset.com/th/market-update/Pages/HotTopic-20240426-us_elections.aspx

• Compare Policy 2024 https://www.bbc.com/news/world-us-canada-68790777 ,https://www.diffen.com/difference/Donald-Trump-vs-Joe-Biden

• ข่าว State of Union https://www.voathai.com/a/biden-to-draw-sharp-contrast-with-republicans-in-state-of-the-union/7518795.html

• การเลือกตัวแทนพรรค https://thestandard.co/super-tuesday-biden-trump-delegates/

• สหรัฐอเมริกาเตรียมเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีนเพิ่ม 4 เท่า: https://www.kasikornresearch.com/th/analysis/k-social-media/Pages/SBU310-FB-2024-05-16.aspx

• Changan closes THB8.8bn deal to set up EV plant in Thailand: https://marketeeronline.co/archives/327784
• https://www.thetimes.co.uk/article/joe-biden-v-donald-trump-who-has-the-better-record-take-our-quiz-nfslzdhch
• Note: Figures may not add up to 100 percent due to rounding.Source: Based on a New York Times/Siena College poll of 980 registered voters conducted Feb. 25 to 28, 2024.By Molly Cook Escobar https://www.nytimes.com/2024/03/02/us/politics/biden-trump-times-siena-poll.html
• https://hilight.kapook.com/view/208047

• https://hips.hearstapps.com/hmg-prod/images/president-joe-biden-delivers-remarks-on-the-infrastructure-news-photo-1715017863.jpg?crop=1.00xw:0.848xh;0,0.0827xh&resize=1200:*

• https://www.thansettakij.com/world/596024



Rating :