พัฒนาเมืองให้น่าอยู่ด้วยเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ
สรุปสาระสำคัญ
ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกลายเป็นประเด็นที่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญ เนื่องจากสภาพแวดล้อมของเมืองนั้น ๆ ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวในการเยี่ยมชม สภาพแวดล้อมที่ไม่ดีทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกไม่พึงพอใจและยังมีผลต่อภาพลักษณ์ของเมืองนั้น ๆ อีกด้วย แต่ละประเทศจึงมีการยกระดับเมือง ให้เป็นเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ ซึ่งหมายถึงเมืองที่มีการปรับใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และระบบจัดการต่าง ๆ ที่ช่วยพัฒนาสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น ช่วยตรวจสอบและควบคุมกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีเหล่านี้ ได้แก่ เครื่องมือตรวจสอบคุณภาพอากาศ การจัดการพลังงานอัจฉริยะ ระบบจัดการขยะและของเสีย รวมถึง ระบบป้องกันและเตือนภัยธรรมชาติอัจฉริยะ
ประเด็นสำคัญต่ออุตสาหกรรมไมซ์
- เมืองที่มีสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะสามารถลดขยะได้ถึง 0.35 กิโลกรัม ต่อคน ต่อวัน หรือประมาณ 130 กิโลกรัม ต่อปี และยังช่วยประหยัดน้ำได้มากถึง 80 ลิตรต่อนัคน ต่อวัน
- เมืองออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ได้มีการติดตั้ง ThingFarm Smart Air เทคโนโลยีตรวจสอบคุณภาพอากาศ ซึ่งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบและเข้าถึงข้อมูลคุณภาพอากาศได้อย่างเรียลไทม์
- ประเทศสิงคโปร์มี เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานในประเทศ โครงการ SolarNova นั้นเป็นโครงการที่เน้นการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์โดยการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 350 เมกะวัตต์ บนหลังคาที่อยู่อาศัย และชั้นดาดฟ้าอาคารต่าง ๆ ของภาครัฐ ช่วยผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ได้ถึง 420 จิกะวัตต์ ถือเป็นร้อยละ 5 ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ
- ประเทศญี่ปุ่นมีการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการคาดการณ์ผลกระทบจากสึนามิ ซึ่งสามารถคาดการณ์โอกาสที่จะเกิดสึนามิ ขนาดของความเสียหาย รวมถึงพื้นที่ที่จะเกิดความเสียหายรุนแรงเพื่อที่จะอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยได้อย่างทันท่วงทีซึ่งช่วยลดปริมาณการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน