สร้างงานอีเว้นท์ที่น่าจดจำในยุค EXPERIENCE ECONOMY

สรุปสาระสำคัญ

Experience economy คือสถานะทางเศรษฐกิจที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในแบบใหม่ๆ ที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้แก่ลูกค้าได้ โดยลูกค้ากลุ่ม Millennials ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงกว่าลูกค้ากลุ่มอื่นๆ เป็นกลุ่มผู้ผลักดันกระแสสังคมให้เข้าสู่ยุค Experience economy เนื่องจากพวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายให้กับประสบการณ์ที่ตนเองต้องการมากกว่าสิ่งของที่จับต้องได้ พฤติกรรมเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในหลายๆ อุตสาหกรรมรวมถึงไมซ์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นผู้จัดงานไมซ์ควรมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์การบริหารประสบการณ์ลูกค้า ซึ่งการออกแบบประสบการณ์จะมีบทบาทสำคัญในการจัดกิจกรรมไมซ์ให้ประสบความสำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น BlizzCon 2018 ได้จัดกิจกรรมแบบเน้นไปที่การเอาความต้องการของชุมชนผู้เล่นเกมเป็นศูนย์กลาง และมอบความรู้สึกพิเศษโดยทำให้ผู้เข้าร่วมงานเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสกับเนื้อหาใหม่ล่าสุดต่างๆ ของเกม เช่น การทดลองเล่นเกมภาคต่อที่ยังไม่เปิดให้บริการ เป็นต้น

ประเด็นสำคัญต่ออุตสาหกรรมไมซ์

  • Experience economy คือสถานะทางเศรษฐกิจที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการในแบบใหม่ๆ ที่สามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้แก่ลูกค้าได้ 
  • ประชากรกลุ่ม Millennials เป็นผู้นำกระแสสังคมให้เข้าสู่ยุค Experience economy เนื่องจากในปัจจุบันพฤติกรรมของชาว Millennials กว่าร้อยละ 78 เลือกที่จะใช้จ่ายเงินให้กับประสบการณ์ที่ตนต้องการมากกว่าสิ่งของหรือวัตถุที่จับต้องได้ นอกจากนี้ชาว Millennials กว่าร้อยละ 55 มีแนวโน้มที่จะใช้เงินมากขึ้นเพื่อเข้าร่วมงานอีเว้นท์และหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากข้อมูลของ Eventbrite เว็บไซต์ด้านการจัดการอีเว้นท์และการจองตั๋ว
  • การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เข้าร่วมงานสามารถทำได้ผ่านการคำนึงถึงองค์ประกอบ 5 ด้าน อันได้แก่ ด้านจิตใจ ด้านการรับรู้ ด้านอารมณ์ ด้านสังคม และด้านสภาพแวดล้อม
  • Landbot.io บริษัทผู้ให้บริการ SaaS (Software as a Service หรือให้บริการซอฟแวร์แบบออนไลน์) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มเทคโนโลยีที่มีผลต่อประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งในปี 2561 แท็บเล็ต (Tablets) สมาร์ทโฟน (Smartphones) และหน้าจอสัมผัส (Touch interfaces) เป็นสิ่งที่มีผลต่อประสบการณ์ของลูกค้ามากที่สุด ในขณะที่ VR/AR ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) และเทคโนโลยีเสียง (Voice interaction) จะเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อประสบการณ์ของลูกค้ามากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า