ในยุคที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญ และมีการบูรณาการเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ซึ่งครอบคลุมทั้งมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการจัดทำนโยบาย และการขับเคลื่อนกิจกรรมโครงการต่าง ๆ เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมไมซ์ที่เดินหน้าวางกลยุทธ์ในการดำเนินงานให้สอดรับกับเป้าหมายความยั่งยืนในทุก ๆ มิติ
MICE Outlook สัปดาห์นี้ จะพาทุกท่านไปร่วมพูดคุยกับ ผศ. ชล บุนนาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) ที่จะมาเผยมุมมอง และแนวคิดต่อการผลักดัน “เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” ให้เป็นรูปธรรมอันเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ตลอดจนเสริมสร้างความเข้าใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการไมซ์เดินหน้าเข้าสู่หนทางแห่งความยั่งยืน
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/148-0.02230500%201703157005-froalaeditor.jpg)
“SDG Move: เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่องความยั่งยืน”
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) เป็นวาระการพัฒนาระดับโลกที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดขึ้น โดยมุ่งหวังให้ทุกประเทศทั่วโลกสามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งหลาย ๆ ประเทศได้จัดทำนโยบาย แนวทางปฏิบัติ และมีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้
ในขณะที่ประเทศไทยได้มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งมั่นในการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความยั่งยืนสู่สังคมไทย ด้วยวิสัยทัศน์ “ขับเคลื่อน SDGs ในประเทศไทยให้สำเร็จ โดยใช้ความรู้และความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ” และมีพันธกิจ “เชื่อมไทย เชื่อมโลก เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยมี ผศ. ชล บุนนาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) ผู้รับบทบาทหน้าที่สำคัญในการบริหารศูนย์วิจัยฯ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในประเทศไทย
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/182-0.19988800%201703157059-froalaeditor.png)
https://www.sdgmove.com/
ศูนย์วิจัยและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Move) ตระหนักดีว่าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นเรื่องยากสำหรับประชาชนทั่วไปที่จะเข้าใจ หากไม่มีข้อมูลและองค์ความรู้ที่เพียงพอ จึงต้องการส่งเสริมและจัดทำเนื้อหาเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบ ทั้งผ่านการจัดทำบทความ สื่อประชาสัมพันธ์ที่ย่อยง่าย กิจกรรมเวิร์กชอปให้กับประชาชนทั่วไปได้เข้ามาเรียนรู้ ตลอดจนเข้าไปมีส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนในการวางแผน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/932-0.02858300%201703157139-froalaeditor.png)
“ทั่วโลกขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน”
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ทั้ง 17 เป้าหมาย 169 เป้าหมายย่อย และ 247 ตัวชี้วัด ซึ่งจะต้องบรรลุให้ได้ในปี พ.ศ. 2567 ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากในปัจจุบันทั่วโลกยังไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยทาง ผศ. ชล ได้เผยว่า “คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจสังคมแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของสหประชาชาติ (United Nations Economic and Social Commission for Asia and the Pacific) ประเมินว่าเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนมีเพียงแค่ 15% เท่านั้น ที่จะมีโอกาสบรรลุในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งถ้าเราเพิกเฉยต่อประเด็นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เราอาจจะบรรลุได้ในปี พ.ศ. 2608 ซึ่งช้ากว่ากำหนดการไปหลายเท่า”
อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2566 ทุกประเทศพยายามขับเคลื่อนประเด็นที่สำคัญอย่างเช่น การเงินเพื่อการพัฒนา (Finance for Development) , ความหิวโหย (Hunger), เทคโนโลยีที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Reusable Technology), การดิจิทัล (Digitalization), การคุ้มครองแรงงาน (Recent Work Social Protection) และในประเด็นสุดท้าย “Triple Planetary Crisis” ปัญหาสิ่งแวดล้อมสำคัญสามประการ ได้แก่ Climate Change, Pollution, Biodiversity Loss ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักรู้ในการแก้ไขปัญหาและหาแนวทางร่วมกันระดับนานาชาติ
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/935-0.15291700%201703157331-froalaeditor.jpg)
และในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 จะมีการจัดประชุม “Summit of The Future” ซึ่งจะพูดคุยใน 5 ประเด็นสำคัญเพิ่มเติม ได้แก่ 1. การประยุกต์ SDG และการเงินยั่งยืน (Sustainable Finance) 2. สันติภาพโลก (New Piece Agenda) 3. ระบบอภิบาลมากำกับเทคโนโลยี Artificial Intelligence 4. การสร้างความเป็นอยู่ที่ดี และ 5. การปฏิรูปโครงสร้างระบบการเงินของโลก การประชุมฯ ครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะได้หารือ และกำหนดแนวทางในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคตร่วมกัน
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/155-0.92138500%201703157400-froalaeditor.jpg)
https://www.dcaf.ch/towards-summit-future
“ความยั่งยืนในบริบทของประเทศไทย”
รัฐบาลไทยได้พยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Carbon Neutral Destination ด้านการท่องเที่ยว ในขณะที่ภาคเอกชนมีการออกนโยบายให้สอดรับกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้เสีย และสร้างความรับผิดชอบร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม แม้ว่าการพยายามของหลายภาคส่วนเป็นไปในทางที่ดี แต่ในทางปฏิบัติยังมีความไม่ชัดเจนอยู่พอสมควร โดยจากแบบสำรวจการรับรู้ความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทายของไทย “Thailand’s Unsustainable Development Review: 7 ปีผ่านไป ไทยยั่งยืนแค่ไหน ในสายตาคุณ” ทำให้เห็นถึงประเด็นความยั่งยืนที่ถดถอยในประเทศไทยในหลากหลายประเด็น
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/528-0.21290900%201703157726-froalaeditor.png)
https://www.sdgmove.com/2023/04/05/sdg-updates-midtermreview-tudr-survey-2023/
นอกจากนี้ ทาง ผศ. ชล ได้เผยถึงภาพรวมของประเทศที่มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ประเทศไทยได้รับผลกระทบด้าน Climate Change และภัยพิบัติ ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดำเนินการลดผลกระทบ ผ่านการหาวิธีการและมาตรการร่วมกัน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การจัดการขยะ การใช้พลังงานทดแทน เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณมาก” ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนในประเทศเท่านั้น แต่หากเรามองถึงภาคการท่องเที่ยวและบริการที่พึ่งพาธรรมชาติเป็นปัจจัยหลัก เช่น แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของไทย ภูเขา น้ำตก ทะเล รวมถึงสภาพอากาศ ซึ่งหากธรรมชาติไม่เอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยว ก็อาจส่งผลให้นักเดินทางมีจำนวนที่น้อยลง ดังนั้น ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องวางแผนการท่องเที่ยวที่ลดการพึ่งพาธรรมชาติ หรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/687-0.65487900%201703157955-froalaeditor.jpg)
“การสร้างความรู้ ความเข้าใจ คือ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “ความยั่งยืน” ได้กลายเป็นคำที่คุ้นหูและแพร่หลายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันความเข้าใจเกี่ยวกับความยั่งยืนยังคงมีความคลุมเครืออยู่ไม่น้อย ซึ่งทาง ผศ. ชล ได้เล่าให้ฟังว่า “จากการคลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจทำให้เห็นถึงหน่วยงานต่าง ๆ มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของประเด็นความยั่งยืนเพียงแค่ผิวเผิน ยกตัวอย่างเช่น เข้าใจว่าความยั่งยืนเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อมเพียงอย่างเดียว หรือความยั่งยืนเป็นเรื่องของการทำธุรกิจเพื่อสังคมเท่านั้น” ซึ่งความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หรือไม่ชัดเจนเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพ การขาดความรู้และความเข้าใจที่เพียงพอ หรือแม้แต่ความเคยชินกับแนวคิดเดิม ๆ ที่เคยปฏิบัติกันมา ซึ่งอาจจะส่งผลเสียในระยะยาวเพราะจะทำให้หน่วยงานต่าง ๆ ไม่สามารถขับเคลื่อนความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่จะทำอย่างไรให้สามารถสร้างความรู้ความเข้าใจในประเด็นความยั่งยืนได้อย่างทั่วถึง ?
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/324-0.44802600%201703158129-froalaeditor.jpg)
ทาง ผศ. ชล ได้เสริมในเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า “การผลักดันให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องความยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน และสอดแทรกเนื้อหาในประเด็นนี้ในทุก ๆ กิจกรรม เช่น ในประเทศญี่ปุ่น เขามีการจัดวัน Climate Change และสื่อต่าง ๆ ในประเทศ อาทิ ทีวี วิทยุ รถไฟ ต่างร่วมมือกันในการกระจายข่าวสาร ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง” การร่วมมือกันถือเป็นกลไกที่สำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนต่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตของทุกคน
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/978-0.80279400%201703158240-froalaeditor.png)
เชื่อมโยงความยั่งยืนเข้าสู่กิจกรรมไมซ์
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 เป้าหมาย มีความสัมพันธ์และเชื่อมโยงกันอย่างมีนัยยะสำคัญ และสามารถผลักดันให้เกิดเป็นกิจกรรมไมซ์ที่ยั่งยืนได้ เช่น การเลือกสถานที่จัดงานไมซ์ในเมืองรอง การจัดทำนโยบายการจัดงานในรูปแบบของ Green Meeting มีการสนับสนุนสินค้าการเกษตรในแหล่งชุมชน ซึ่งถือเป็นการเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในเป้าหมายที่ 8 การสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจให้คนในพื้นที่ ตลอดจนเป้าหมายที่ 13 ในการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งทาง ผศ. ชล ยังได้เผยถึงประเด็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนของการนำเรื่องความยั่งยืนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมไมซ์ เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการไมซ์เลือกที่จะทำการชดเชยคาร์บอน หรือ Carbon Offset ซึ่งมักมีลักษณะเป็นเพียงการจ่ายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น ถือเป็นวิธีการที่ไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่ เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยไม่ได้ลดต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริง ในทางกลับกัน หากมีการวางแผนการดำเนินงานโดยสอดแทรกประเด็นความยั่งยืนเข้าไปในทุก ๆ ขั้นตอนของกิจกรรมไมซ์นั้น จะช่วยขับเคลื่อนประเด็นเรื่องความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ทาง ผศ. ชล ยังได้แนะนำกับผู้ประกอบการถึงการตั้งต้นวางแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับเป้าหมายที่ยั่งยืนว่า “อยากให้ผู้ประกอบการยึดกระดุมสามเม็ดที่สำคัญ คือ 1. Act to reduce time ต้องสำรวจกิจกรรมที่ตัวเองทำว่ามีผลกระทบทางลบหรือทางบวกในทิศทางใดบ้าง 2. Benefit stakeholders ทำอย่างไรให้คนที่ทำงานกับเรา ผู้มีส่วนได้เสีย ได้ประโยชน์สูงสุด 3. Contribute to solution ออกแบบโซลูชัน หรือวิธีการแก้ปัญหาผลกระทบเขิงลบ” โดยกระดุมทั้งสามเม็ดนี้ สามารถนำไปปรับใช้ได้ทุกธุรกิจ และทุกอุตสาหกรรม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนความยั่งยืน
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/406-0.32654900%201703158331-froalaeditor.png)
สำหรับในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผศ. ชล ได้เล่าถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมว่า “นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในฝั่งยุโรป เขาให้ความสำคัญในประเด็นความยั่งยืน รวมทั้งพวกเขาอยากได้ประสบการณ์ที่เข้าถึงชุมชน ธรรมชาติและวัฒนธรรม ฉะนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในด้านสถานที่ การดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อเป็นโอกาสในการต้อนรับนักท่องเที่ยวในอนาคต” ซึ่งการเตรียมความพร้อมด้านความยั่งยืนของผู้ประกอบการท่องเที่ยว นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังสามารถสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยวมากขึ้นอีกด้วย
![](/files/media_manager/12075f8459499dd19b4bc0eed7ccbf39/272-0.18982800%201703158523-froalaeditor.jpg)
สิ่งที่น่าขบคิดและยังคงเป็นข้อถกเถียง คือ เราจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างไร? เนื่องจากทุกประเทศทั่วโลกยังไม่สามารถที่จะเดินหน้าได้อย่างเต็มกำลังให้บรรลุเป้าหมายได้ในปี พ.ศ. 2573 ประเด็นนี้จึงจำเป็นต้องมีการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และต้องมีการติดตามและประเมินผลความคืบหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต