สรุปโดย AI
เวทีมวยราชดำเนินประสบความสำเร็จใน RWS ด้วยการปรับกลยุทธ์ ตอบสนองฐานแฟนหลากหลาย ออกแบบโปรแกรมน่าสนใจ ปรับโครงสร้างสนามให้ทันสมัย และสื่อสารตอบโจทย์ผู้ชมยุคดิจิทัล พร้อมผลักดันมวยไทยสู่เวทีโลกและรักษาคุณค่าทางวัฒนธรรม
เวทีมวยราชดำเนินเป็นพื้นที่แสดงศิลปะการต่อสู้เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ภายใต้การบริหารของ GSV มุ่งมั่นเป็น “One of a kind” มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แฟนมวยไทย
ในปี 2567 คาดมีผู้ชมมากกว่า 300,000 คน โดย 80% เป็นชาวต่างชาติ และเป็นปีแรกที่มีการแข่งขัน 7 วันต่อสัปดาห์ (~361 วันต่อปี) ตั้งเป้าคนเข้าชมถึง 1 ล้านคนใน 2569 พร้อมถ่ายทอดสดผ่านออนไลน์และสื่อสังคม
เวทีมวยราชดำเนินขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย 3 กุญแจสำคัญ: 1) รีแบรนด์มวยไทยและรีโนเวตสนาม 2) พัฒนารายการกีฬา 3) สร้างระบบนิเวศและห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้เวทีมวยราชดำเนินเป็นดิสนีย์แลนด์ของมวยไทย
การรีแบรนด์เน้นเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น Projection Mapping เพื่อ Immersive Experience และ DAZN ถ่ายทอด RWS กับ Road to Ratchadamnern ไป 200 ประเทศ
Key takeaways
ความสำเร็จของเวทีมวยไทยราชดำเนินในรายการ RWS หรือ Rajadamnern World Series สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ที่รองรับฐานแฟนหลากหลาย ด้วยการออกแบบโปรแกรมที่น่าสนใจ และพัฒนาโครงสร้างของสถานที่จัดงานที่ทันสมัย รวมถึงการสื่อสารที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ชมในยุคดิจิทัล รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันมวยไทยสู่เวทีโลกและรักษาคุณค่าทางวัฒนธรรม
_1764256486212.jpg)
เส้นทางของเวทีมวยราชดำเนิน สู่การเป็นพื้นที่แสดงศิลปะการต่อสู้เอ็นเตอร์เทนเมนต์
เวทีมวยราชดำเนินถือเป็นสถานที่สำคัญที่อยู่คู่กับวงการมวยไทยมายาวนาน นับตั้งแต่เปิดดำเนินการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2488 สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นสังเวียนแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย แต่ยังเป็นจุดศูนย์กลางที่เผยแพร่มวยไทยสู่สายตาชาวโลก การแข่งขันบนเวทีเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ความพยายาม และศักดิ์ศรีของนักมวยที่กลายเป็นตำนานมากมาย โดยในช่วงเริ่มต้น เวทีมวยราชดำเนินได้รับความนิยมจากกลุ่มเป้าหมายที่จำกัดเฉพาะแฟนมวยชาวไทยที่รักในกีฬาและเห็นเป็นความบันเทิงที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล เวทีมวยราชดำเนินได้ปรับตัวให้ทันสมัยและเติบโตอย่างรวดเร็ว ภายใต้การบริหารของบริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด (Global Sport Ventures : GSV) ซึ่งมุ่งมั่นที่จะยกระดับเวทีมวยให้เป็นสถานที่ที่มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า เวทีมวยราชดำเนินคือ “One of a kind” หรือเป็นสถานที่ที่มอบประสบการณ์สุดพิเศษสำหรับผู้ที่หลงใหลในกีฬามวยไทย การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและสามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
_1764256576499.png)
โดยในปี 2567 ได้มีการคาดว่ารวมทั้งปีมีผู้ชมมากกว่า 300,000 คน โดย 80% ของผู้เข้าชมเป็นชาวต่างชาติ และถือเป็นปีแรกในประวัติศาสตร์สนามมวยในกรุงเทพฯ ที่มีการจัดการแข่งขัน 7 วันต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 361 วันต่อปี และตั้งเป้าที่จะดึงผู้เข้าร่วมชมให้ได้กว่า 1 ล้านคนภายในปี 2569 เวทีมวยราชดำเนินได้ก้าวข้ามข้อจำกัดเดิม สู่การเป็นจุดหมายปลายทางระดับนานาชาติสำหรับนักท่องเที่ยวและผู้สนใจในศิลปะการต่อสู้ นักมวยจากทั่วโลกต่างหลั่งไหลมาร่วมแข่งขันเพื่อวัดฝีมือและสร้างชื่อเสียงบนเวทีที่ได้รับการยอมรับในฐานะสัญลักษณ์ของมวยไทยดั้งเดิม การถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์และสื่อโซเชียลมีเดียยังช่วยให้ผู้ชมจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้าถึงและสัมผัสกับบรรยากาศการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น
_1764257507959.jpg)
เวทีมวยราชดำเนินกับ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
กีฬามวยไทยไม่ได้เป็นเพียงศิลปะการต่อสู้ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมไทยที่สะท้อนถึงความงดงามของท่วงท่าอันเป็นเอกลักษณ์ ความสนุกสนานที่เกิดจากการแข่งขัน และศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งทางเวทีมวยราชดำเนินได้เดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำกลยุทธ์สำคัญ 3 ประการ มาใช้เพื่อยกระดับวงการมวยไทยให้ก้าวไกลในระดับสากล พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจไทยในหลากหลายมิติ ซึ่งประกอบไปด้วย 1. การรีแบรนด์มวยไทยและการรีโนเวตสนาม2.การพัฒนารายการกีฬา และ 3. การสร้างระบบนิเวศและห่วงโซ่อุปทาน โดยมุ่งหวังที่จะทำให้เวทีมวยราชดำเนินเป็น “ดิสนีย์แลนด์ของมวยไทย” และจุดหมายสำคัญที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องมาเยือนหากเดินทางมาถึงประเทศไทย
_1764257538640.png)
การรีแบรนด์มวยไทยราชดำเนิน ได้ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยประสบการณ์ระดับโลก เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ การพัฒนาครั้งนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญของการปรับปรุงโครงสร้างเท่านั้น แต่ได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย แสง สี เสียงเต็มรูปแบบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ภายใต้โปรดักชันระดับโลก เป้าหมายคือการสร้างสนามมวยที่เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน ทำให้สนามมวยอันดุเดือดได้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสนุกสำหรับทุกวัย ด้วยการเพิ่มองค์ประกอบของเทคโนโลยี Projection Mapping เพื่อสร้าง Immersive Experience หรือประสบการณ์ดื่มด่ำอย่างเต็มรูปแบบ เชื่อมโยงความรู้สึกและความทรงจำให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสอย่างลึกซึ้ง

ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่าการผสานเทคโนโลยีโดยเฉพาะ Immersive Experience เข้ากับการจัดงาน ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญในการยกระดับประสบการณ์ของนักเดินทาง ผู้จัดงานไมซ์ต้องปรับตัว และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อช่วยสร้างมิติใหม่ให้กับงานไมซ์ ตั้งแต่เข้ามาช่วยในกระบวนการทำงาน ไปจนถึงการสร้างสรรค์กิจกรรมที่มีความแปลกใหม่ น่าตื่นเต้น และมีชีวิตชีวา เช่น การใช้แสง สี เสียง ที่ทันสมัย การมีฟีเจอร์เชิงโต้ตอบ การสร้างการมีส่วนร่วมผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล และการโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยสร้างความประทับใจและดึงดูดนักเดินทางรุ่นใหม่
_1764257603966.png)
กุญแจที่ 2 การพัฒนารายการกีฬาที่น่าสนใจและสามารถดึงดูดผู้ชมทั้งในและต่างประเทศ เช่น รายการมวยไทย “Rajadamnern World Series (RWS)” ได้เปิดโอกาสให้นักมวยจากทั่วโลกได้แสดงฝีมือ และสร้างรายได้ให้กับบุคลากรในวงการมวยมากถึง 5,000 คน ตลอดจนโครงการ “Road to Ratchadamnoen” ที่ได้ขยายการจัดการแข่งขันไปยังหลายประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้นักมวยจากต่างชาติได้ขึ้นชกที่เวทีมวยราชดำเนิน โดยมีพันธมิตรระดับโลกอย่าง DAZN ถ่ายทอดการแข่งขันไปยัง 200 ประเทศทั่วโลก และกุญแจที่ 3 การสร้างระบบนิเวศและห่วงโซ่อุปทาน ที่แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจรอบ ๆ กีฬามวยไทยทั้งในด้านการท่องเที่ยว การสร้างรายได้ และการสร้างงานที่ยั่งยืนในระยะยาว โดย GSV ได้ยกระดับเวทีแห่งนี้ให้เป็นมากกว่าสังเวียนมวย แต่ยังเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรม ความบันเทิง และประสบการณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว ทำให้เวทีมวยราชดำเนินยังคงรักษาความสำคัญในฐานะสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของประเทศไทยบนเวทีโลก
ความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์สำคัญ เพื่อรองรับฐานแฟนที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบโปรแกรมการแข่งขันให้มีความน่าสนใจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย การเพิ่มช่องทางการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ที่สอดรับกับพฤติกรรมของผู้ชมในปัจจุบันตลอดจนการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมกีฬา ซึ่งทำให้เวทีมวยราชดำเนินมีบทบาทสำคัญในการผลักดันมวยไทยสู่เวทีโลก ทั้งในแง่ของกีฬาและวัฒนธรรม ช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนให้กับวงการมวยไทยในระยะยาว โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์และคุณค่าทางวัฒนธรรมที่เป็นหัวใจสำคัญของกีฬาแขนงนี้เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน
_1764257644060.jpg)
สิ่งสำคัญที่จะทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ขับเคลื่อนสู่ตลาดโลกได้นั้น ผู้ประกอบการไมซ์จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการนำเทคโนโลยีมาใช้ทั้งการบริหารจัดการ วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เข้าร่วมงานผ่านการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะด้านเทคโนโลยี ตลอดจนการนำเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ตื่นเต้นเชื่อมโยงความรู้สึก นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการรักษาสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีและการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ซึ่งยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการจัดงานไมซ์และช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไมซ์ไทยสู่ระดับสากล
MICE Outlook สัปดาห์หน้าเตรียมพบกับสำรวจเทรนด์ใหม่ “Man Made Destination” จุดหมายปลายทางแห่งอนาคตปี 2025 ที่ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย ด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดจากการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และยังเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ สำหรับภาคธุรกิจและชุมชนท้องถิ่น ทั้งหมดนี้กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในอุตสาหกรรมไมซ์ ต้องไม่พลาดที่จะติดตามเนื้อหาที่เข้มข้น ครบทุกแง่มุม!
_1764257870617.png)